การขายอสังหาริมทรัพย์ หากเราจะดำเนินการเองทุกอย่างก็สามารถทำได้ แต่หากเราต้องการตัดความยุ่งยากในส่วนนี้ออกไปให้กับนายหน้า เพื่อเป็...

รู้จักการทำสัญญากับนายหน้าฝากขาย

/
0 Comments



การขายอสังหาริมทรัพย์ หากเราจะดำเนินการเองทุกอย่างก็สามารถทำได้ แต่หากเราต้องการตัดความยุ่งยากในส่วนนี้ออกไปให้กับนายหน้า เพื่อเป็นการประหยัดเวลาก็ดูจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว โดยในปัจจุบันมีนายหน้าเก่ง ๆ และเชี่ยวชาญอยู่เป็นจำนวนมากที่จะช่วยเราจัดการปัญหาด้านต่าง ๆ นี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของเอกสารที่เราต้องดำเนินการอย่างรอบคอบและรัดกุมให้มากที่สุด รวมไปจนถึงด้านการเจรจาต่อรองราคาที่จะไม่ทำให้เราเสียเปรียบผู้ซื้อได้ “นายหน้า” จึงถือได้ว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญในการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์เป็นอย่างยิ่ง

เงื่อนไขในการใช้บริการนายหน้าด้านอสังหาริมทรัพย์นั้น โดยส่วนใหญ่แล้วจะชำระค่านายหน้ากันก็ต่อเมื่อขายได้แล้วเท่านั้น ซึ่งในระหว่างอยู่ในสัญญาการฝายขาย นายหน้าก็จะมีหน้าที่จัดหาผู้ซื้อ หรือจูงใจให้คนมาซื้อหรือลงทุนในอสังหาฯ ของเราให้จงได้ เพื่อที่จะได้รับส่วนแบ่งในส่วนนี้ไป ซึ่งหากเราสามารถขายได้ในราคาที่เราตั้งใจไว้ และคำนวณในเรื่องของส่วนแบ่งที่ได้ตกลงกัน เมื่อหักกับค่าเสียเวลา และจิปาถะอื่น ๆ แล้วละก็ ถือว่าคุ้มค่าเอาการเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตามการทำสัญญาฝากขายกับนายหน้าที่ดูจะเป็นที่นิยมทำกันมาก สามารถทำได้ในวิธีการที่หลากหลายอยู่ด้วยเช่นกันไม่ว่าจะเป็น

  • สัญญาแบบเปิดกว้าง (Open Listing) การทำสัญญาในลักษณะนี้เจ้าของสามารถทำสัญญาฝากขายกับนายหน้าได้หลายราย และหากนายหน้ารายใดสามารถทำการขายอสังหาฯ ได้ก่อนคนแรกก็จะจ่ายค่านายหน้าให้กับคนนั้น ซึ่งสัญญาในลักษณะนี้ โดยส่วนใหญ่นายหน้าจะไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ เพราะต้องวัดดวง ช่วงชิงจังหวะกับนายหน้ารายอื่น ๆ อีก ซึ่งอาจทำให้เสียโอกาสหรือทำงานแล้วไม่ได้รับค่าตอบแทนเลย
  • สัญญาที่ทำกับนายหน้ารายเดียว (Exclusive Agency Listing) การทำสัญญาในลักษณะนี้เจ้าของจะทำสัญญาไว้กับนายหน้ารายเดียวเท่านั้น แต่เจ้าของก็ยังสามารถดำเนินการขายได้เอง และหากสามารถหาผู้ซื้อได้ก่อนนายหน้า เจ้าของก็ไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับนายหน้าใด ๆ ทิ้งสิ้น เป็นการยอมรับกันในสัญญา และอย่างน้อยๆ นายหน้าก็ตัดคู่แข่งรายอื่นออกไปได้ เหลือเพียงเจ้าของอสังหาฯ คนเดียวเท่านั้น แต่ก็ยังจะมีความเสี่ยงที่จะไม่ได้รับค่านายอยู่ดี หากเจ้าของสามารถขายอสังหาฯ ได้ก่อนนั่นเอง
  • สัญญาขายฝากแบบเบ็ดเสร็จ (Exclusive Right to Sell Listing) การทำสัญญาในลักษณะนี้เจ้าของจะเลือกนายหน้าและทำสัญญาไว้กับนายหน้าเพียงรายเดียว พร้อมกับมอบหมายภาระหน้าที่ให้ดำเนินการขายภายในระยะเวลาที่ได้ตกลงกัน ซึ่งโดยปกติจะกำหนดระยะเวลาไว้ที่ 6-10 เดือน โดยประมาณ ข้อดีของการทำสัญญาในลักษณะนี้ก็คือ หากอสังหาฯ ถูกขายได้ก่อนที่นายหน้าจะขายได้นั้น นายหน้าก็จะได้รับค่าธรรมเนียมตามที่ได้ตกลงกันไว้ ซึ่งจะเป็นการช่วยกระตุ้นให้นายหน้าเร่งทำงานได้อย่างเต็มที่ภายในระยะเวลาที่กำหนดไว้ให้จงได้
  • สัญญาที่ทำการขายเพียงครั้งเดียว (One Time Show Listing) การทำสัญญาในลักษณะนี้จะมีผู้ซื้อที่มีศักยภาพรอซื้ออยู่แล้ว แต่ผู้ซื้อจะทำการระบุผู้ที่มาเสนอขายไว้ เพื่อเป็นการการันตีว่าถึงอย่างไรแล้ว อสังหาก็จะสามารถขายได้ ดังนั้นเราจึงต้องเลือกใช้บริการนายหน้าที่มี list รายชื่อเท่านั้น เพราะเป็นการการันตีว่าหากเราใช้บริการนายหน้าประเภทนี้แล้ว อสังหาฯ ถูกขายออกไปได้อย่างแน่นอน  

ไม่ว่าผู้ลงทุนจะตัดสินใจเลือกทำสัญญาฝากขายในลักษณะใด ก็ย่อมต้องดูความเหมาะสมของอสังหาฯ ไว้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของราคาขาย การจ่ายค่านายหน้า เป็นจำนวนเงินที่เหมาะสมหรือไม่ และโอกาสที่เราจะขายได้เองนั้นมากน้อยแค่ไหน หากเราคิดว่าเราสามารถขายอสังหาฯ ได้เอง และมีเวลาในส่วนของการดำเนินการด้านเอกสาร ก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้บริการนายหน้าแต่อย่างใด และในทางตรงกันข้ามหากเราไม่ต้องการยุ่งยากดำเนินการใด ๆ  ต้องการเพียงให้มีผู้มาซื้อเท่านั้น การใช้บริการนายหน้าก็เป็นเรื่องปกติที่ผู้ลงทุนส่วนใหญ่ต้องใช้บริการกันเป็นปกติเช่นกัน


TAG : การลงทุน , อสังหาริมทรัพย์ , เคล็ดลับการลงทุน , วางแผนการลงทุน



You may also like

ไม่มีความคิดเห็น:

ขับเคลื่อนโดย Blogger.